1. Pride
Pride เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักฮอกกี้หนุ่ม ที่มอบทั้งร่างกายและวิญญาณให้กับฮอกกี้ ได้มาพบรักกับผู้หญิงที่กำลังรอคอยคนรักกลับมาหา การดำเนินเรื่องของ pride นั้น จะทำให้เราค่อยๆหลงรักไปกับเสียงที่ช่างไพเราะของนางเอก (ยูโกะ ทาเคอุจิ) และความเด็ดเดี่ยวเจ้าอารมณ์ของพระเอก (ทาคุยะ คิมูระ) เรื่องราวดำเนินอย่างเข้มข้น อาจจะมีฉากสวีท น่ารักบ้าง เป็นบางเวลา แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้มีพลัง และสะกดคนดูได้อย่างดี ก็คือ “เพลง” ครับ
เพลงประกอบซีรีย์เรื่องนี้ ชื่อว่า ” I was born to love you ” เป็นเพลงที่ขับร้องโดย วง Queen ถึงลุคจะดูว่าเป็นวงร็อค ไม่น่าจะเข้ากับหนังรักเลยก็ตาม แต่ทุกครั้งที่มีเพลงนี้ขึ้นมา ก็ทำให้สะท้อนภาพความรักของพระเอกหนุ่มที่มีให้กับนางเอกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
2. Beach Boys
Beach Boys ::: เรื่องราวของสองหนุ่ม ที่มีชีวิตต่างขั้ว คนหนึ่งมีบุคลิกเคร่งขรึม ทำงานเป็นพนักงานบริษัทที่มีชื่อเสียง ทุกเวลาของเขาเป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด กับอีกหนึ่งหนุ่ม ที่มีบุคลิกรักสนุก ชอบเที่ยวเล่นไปวันๆ (ในหนังใช้คำว่า “เลื่อนลอย”) ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในบังกะโลริมทะเล ที่เหลือก็ต้องติดตามกันต่อเองนะครับ ถ้าบอกมากกว่านี้ คงจะไม่ดีแน่ๆเลย ^^
โดยรวมแล้ว ซีรีย์เรื่องนี้ ค่อนข้างจะดูสบายๆ เรื่อยๆ นั่งยิ้มไปกับความน่ารักของชีวิตริมฝั่งทะเล มีปรัชญา มีข้อคิดแปลกๆ สอดแทรกอยู่เป็นระยะๆ
3. Bara no nai Hanaya (The Flower shop without roses)
The Flower shop without roses ::: เรื่องราวของชายหนุ่มหน้าตาบ้านๆคนหนึ่ง อุปนิสัยเป็นคนเงียบๆ ใจดี ใครจะว่าอะไร ใครจะทำอะไร ก็ยิ้มมมมม กับเรื่องราวของลูกสาวที่แสนจะแสนรู้ และน่ารักไปซะทุกเรื่อง ในเรื่องนี้ เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบน่ารักๆ ลูกสาวที่คอยนั่งคิดบัญชีร้านดอกไม้ให้พ่อ พ่อที่ทำอะไรก็นึกถึงลูกสาวไปเสียทุกเรื่อง อดที่จะอมยิ้มไม่ได้จริงๆครับกับเรื่องนี้
และนอกจากเรื่องราวระหว่างพ่อกับลูกสาวที่แสนจะน่ารักแล้ว ยังมีตัวละครเอกอีกหนึ่งคน มาเพิ่มดีกรีความโรแมนติกให้กับหนังเรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งเรื่องย่อนั้น ผมเองก็ไม่กล้าที่เล่ามากไปกว่านี้ เพราะแต่ละตอนของซีรีย์เรื่องนี้ จะค่อยๆเฉลยปม ทีละนิดๆ เล่าไปแล้วก็หมดสนุกสิเนอะ ^^” สรุปได้ว่า หากใครกำลังมองหาหนังที่มีความน่ารักๆ ระหว่างพ่อกับลูกสาว และความโรแมนติกแบบยิ้มได้ทั้งเรื่อง ประกอบกับตัวร้ายที่ร้ายนิดๆพอให้เรื่องราวสนุกล่ะก็ The Flower shop without roses เป็นอีกเรื่องครับ ที่ไม่น่าพลาดเป็นอย่างยิ่ง
4. Hotaru no Hikari
Hotaru no hikari :: เรื่องนี้ คิดว่า เป็นเรื่องที่หลายๆคนจะรู้จักแล้วแน่ๆเลย
ซีรีย์แนวตลก โรแมนติก และให้กำลังใจ เรื่องราวของสาวออฟฟิศคนหนึ่ง เมื่อเวลาอยู่ที่ทำงาน เธอเป็นสาวมั่น มีไฟในการทำงานเต็มร้อย การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะไปหมด แต่เมื่อไรก็ตามที่่เธอกลับถึงบ้านปุ๊บ เธอจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมด “สาวปลาแห้ง” ทันที ผมเพร่าก็มัดจุก สวมกางเกงวอร์ม นอนดิ้นไปดิ้นมาริมระเบียง แถมยังซดเบียร์กระป๋องคนเดียวซะด้วย ซึ่งอยู่มาวันหนึ่ง ด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เธอต้องมาพักอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับ หัวหน้าของเธอ เรื่องราวจะสนุกแค่ไหน อันนี้ต้องลองรับชมเองแล้วครับ
5. Kekkon Dekinai Otoko
Kekkon dekinai otoko :: เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นหนังนอกสายตาพอสมควรเลยครับ เป็นเรื่องราวของสถาปนิกวัยกลางคน (โสด) มีความเก่งกาจในเรื่องการออกแบบบ้านเป็นอย่างมาก แต่บุคลิกและนิสัย ค่อนข้างจะเอ๋อๆสักเล็กน้อย คงประมาณว่า “อัจฉริยะ ปัญญานิ่ม” ประมาณนั้นเลยครับ ข้าวของทุกอย่างจะต้องจัดวางตรงตามที่เดิม เครื่องใช้ทุกอย่างจะต้องสะอาดหมดจด โต๊ะทำงานเป็นระเบียบ แม้แต่อาหารในจานยังต้องจัดวางให้เนี๊ยบ ต้องมาเจอกับคุณหมอสาววัยกลางคน (โสดเช่นกัน) ที่มีนิสัยปากไม่ตรงกับใจ และเพื่อนบ้านสาวกับสุนัขพันธุ์ปั๊ก ที่ฉลาดสุดๆ
ซีรีย์เรื่องนี้ การดำเนินเรื่องจะพูดถึง เรื่องราวของการทำงาน เรื่องราวของความรักของคน (เกือบจะแก่) สองคน เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน การดำเนินเรื่องจะไปแบบ “เรื่อยๆ” ไม่ตื่นเต้นอะไรมาก แต่ว่ามีอะไรให้ได้ “ยิ้ม” อยู่ในทุกๆตอน
6. Haken no Hinkaku
ยุคสมัยที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ มีการปลดพนักงานกันเป็นว่าเล่น “ฮาเคน” คือศัพท์ที่ใช้เรียกพนักงานชั่วคราวของประเทศญี่ปุ่น (ในซีรี่ย์เรื่องนี้) นางเอกในเรื่อง เป็นฮาเคน ที่มากล้นไปด้วยความสามารถ มีความชำนาญในหลายๆสายอาชีพ และการทำงานในฐานะฮาเคนของเธอ ไม่เคยมีคำว่า “ทำงานล่วงเวลา” และคำว่า “เป็นไปไม่ได้” อยู่แม้แต่ครั้งเดียว
ซีรีย์เรื่องนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงาน การดิ้นรนเพื่อที่จะได้มีงานทำ มีเงินเดือน ดูเรื่องย่อแล้วอาจจะดูเหมือนเป็นหนังเครียดๆ แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้ดำเนินเรื่องแบบน่ารักๆ มีตลกใส่เข้ามาในหลายๆฉาก โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังให้กำลังใจกับคนที่ยังไม่มีงานทำ หรือคนมีงานทำแล้วแต่ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานต่อไป ซะมากกว่า
7. My Boss My Hero
เมื่อทายาทยากูซ่า อายุ 27 ปี ถูกคำสั่งจากท่านพ่อ ให้กลับมาเรียน ม.ปลาย เพราะเหตุที่ตัวเองบวกเลขยังไม่เป็น ทำให้แก๊งตอนสูญเงินไปจำนวนมาก และเมื่อวันแรกที่เขาไปโรงเรียน ก็โดนเพื่อนไถเงินเอาซะแล้ว เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป??
My boss ,my hero เป็นซีรีย์ที่เน้นความตลกล้วนๆ ถือเป็นซีรีย์ในตำนานอีกเรื่องนึง ที่หลายๆคนพูดถึงอยู่บ่อยๆ ถ้าใครยังไม่เคยดู ก็ลองหามาดูกันนะครับ อันนี้แนะนำเลยยยยย!!
8. Attention Please
มิซากิ โยโกะ สาวมาดเซอร์ เป็นนักร้องของวงดนตรีที่ตั้งกันในกลุ่มเพื่อนๆ เมื่อต่างคนต่างเรียนจบ จึงต้องแยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน วันหนึ่ง ระหว่างทางที่กำลังไปส่งเพื่อนที่สนามบิน ได้พบว่า เพื่อนชายในกลุ่มของเธอทุกคนต่างหันมองแอร์โฮสเตสกันตาไม่กระพริบ จึงเกิดความคิดว่า “ฉันนี่แหละ จะเป็นแอร์โฮสเตสให้ได้” โยโกะเคยให้คำจำกัดความของแอร์โฮสเตสไว้ว่า “เป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟบนเครื่องบินเท่านั้น” สุดท้ายแล้ว มุมมองของเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน อันนี้ต้องลองติดตามชมกัน
เป็นซีรีย์เกี่ยวกับการทำงานปนกับตลกอีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึง ความยากลำบากกว่าจะได้เป็นแอร์โฮสเตส ปัญหาเฉพาะหน้าต่าๆงที่จะต้องเผชิญ และก็แถมโฆษณาสายการบิน JAL ไปอีกสักนิด โดยรวมแล้วเรื่องนี้มีทั้ง ความสนุก ความรู้ ความน่ารัก
9. Dragon Sakura
ตัวเอกมีอาชีพเป็นทนายความ เข้ามารับบทบาทสำคัญ เพื่อพลิกฟื้นโรงเรียนที่กำลังจะล้มละลายให้กลับมาให้ได้ โดยแผนการณ์ที่วางไว้ของเขาคือ จะต้องมีเด็กในโรงเรียน สอบติดในมหาวิทยาลัยโตเกียว (ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น) ให้ได้อย่างน้อย 5 คน เขาได้ตั้งคลาสเรียนขึ้น ไปๆมาๆ มีเด็กกลุ่มหัวขี้เลื่อย มาร่วมคลาสกับเขาแค่ 6 คนเท่านั้น และแต่ละคนก็มีความแสบ ความซ่า และปมหลังของชีวิตที่แตกต่างกันไป
ซีรีย์เรื่องนี้ ได้ให้เทคนิค เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการอ่านหนังสือ การท่องจำ (โดยใช้หลักการตามการวิจัยของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ) และหนังเรื่องนี้ได้ถูกฉายก่อนที่เด็กจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อให้เด็กๆได้นำไปใช้ประโยชน์อีกด้วย
10. Dr. Koto
ถ้าเป็นซีรี่ย์เกี่ยวกับเรื่องหมอ มีซีรีย์ญี่ปุ่นหลายๆเรื่องที่ทำเกี่ยวกับหมอ ไม่ว่าจะเป็น code blue , Jin , Iryu ในส่วนของเรื่อง Dr. Koto เป็นเรื่องราวของคุณหมอผ่าตัดที่มีฝีมือสูงจากเมืองโตเกียว ทิ้งชีวิตความเป็นหมอเมืองหลวง มาเป็นหมอประจำหมู่บ้านอยู่ในเกาะๆหนึ่ง (ในแถบโอกินาว่า) โดยลักษณะการดำเนินเรื่อง จะค่อนข้างแตกต่างกับซีรีย์หมอทั่วไป ที่จะเน้นไปในด้านการรักษาโรค ฉากในห้องผ่าตัด ฯ แต่เรื่อง Dr. Koto นี้ จะเน้นไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับประชาชนในหมู่บ้าน และความสงบเงียบที่ไม่ต้องเร่งรีบเหมือนกับอยู่ในเมืองหลวง ความสมถะของประชาชนในหมู่บ้าน ความเขียวขจีของธรรมชาติ ต้นไม้ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ค่อนข้างจะเป็นหนังที่ดูสบายๆ และยิ้มๆไปตลอดเรื่อง จะมีบางฉากที่อาจทำให้เศร้านิดๆ ปะปนกันไป